ไมโครซอฟท์ ยกระดับ Microsoft Sentinel ตอบโจทย์รอบด้านทั้งการรวมศูนย์สัญญาณ ประหยัดต้นทุน พร้อมเสริมแกร่ง AI Agent

ไมโครซอฟท์ ยกระดับ Microsoft Sentinel

ตอบโจทย์รอบด้านทั้งการรวมศูนย์สัญญาณ ประหยัดต้นทุน พร้อมเสริมแกร่ง AI Agent

  


กรุงเทพฯ 23 กรกฎาคม 2568ไมโครซอฟท์ เดินหน้ายกระดับ Microsoft Sentinel โซลูชัน Security Information and Event Management (SIEM) โดยเปิดตัวศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel (Sentinel data lake)” ซึ่งเป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ความคุ้มค่า รองรับการจัดเก็บข้อมูลดิบจำนวนมากในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบมีโครงสร้าง ไม่มีโครงสร้าง และกึ่งมีโครงสร้าง เพื่อให้ทีมงานด้านความปลอดภัยขององค์กรสามารถรวมศูนย์ข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน AI Agent และยกระดับการตรวจจับภัยคุกคามและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมรับมือกับความท้าทายจากปริมาณข้อมูลมหาศาลรวมถึงลดภาระด้านต้นทุนการขยายระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเดิม โดยสามารถทดลองใช้งานได้แล้ววันนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์ขั้นกว่าของการจัดเก็บข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ เปิดตัว SIEM แบบ cloud-native รุ่นแรกเมื่อ 5 ปีก่อนเพื่อช่วยให้สามารถจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้นพร้อมทั้งนำพลังของ AI มาใช้ตรวจจับภัยคุกคาม โดย Microsoft Sentinel ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้ง่ายขึ้น พร้อมเสริมพลัง AI ในการตรวจจับภัยคุกคาม[1] ปัจจุบัน Sentinel ได้ถูกรวมเข้ากับ Microsoft Defender พร้อมให้ข้อมูลภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ข้อเสนอแนะที่ชาญฉลาด และการตอบสนองแบบอัตโนมัติ ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่ไมโครซอฟท์ ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดของ SIEM แบบดั้งเดิม ทำให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยกลายเป็นศูนย์กลางของ Security Operation Center (SOC) ได้อย่างแท้จริง และสามารถรองรับการทำงานในระดับที่ใหญ่ขึ้นโดยไม่ลดประสิทธิภาพ ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งาน ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel  ได้แล้ววันนี้

เชาวลิต รัตนกรไกรศรี รองกรรมการผู้จัดการ สายงานโซลูชันองค์กร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเร่งเครื่องสู่การพลิกโฉมดิจิทัลในทุกภาคส่วน โซลูชันความปลอดภัยอัจฉริยะที่ปรับขยายได้จึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญมากขึ้น การเปิดตัว Microsoft Sentinel data lake นับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับองค์กรไทย เพราะช่วยเสริมแกร่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยมองเห็นภาพรวมได้อย่างรอบด้าน เก็บรักษาข้อมูลในระยะยาว และตรวจจับภัยคุกคามด้วยพลัง AI ได้อย่างแม่นยำ ทั้งหมดนี้มาพร้อมต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าระบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด นวัตกรรมดังกล่าวสอดรับกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของไทย และยังช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัย (SOC) ที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับอนาคตได้อย่างมั่นใจ โดยไมโครซอฟท์ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ใช้ประโยชน์จากพลังของ AI และข้อมูล เพื่อก้าวล้ำนำหน้าภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”

 


ลดการจัดเก็บข้อมูลแบบไซโลเพื่อยกระดับความปลอดภัย

ปัจจุบัน บันทึกเหตุการณ์ความปลอดภัย (security logs) มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บุคลากรจำนวนมากต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อย่างเช่น การตัดสินใจลดการเก็บบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เสี่ยงต่อการมีจุดบอด การย่อระยะเวลาการเก็บข้อมูลเพื่อลดต้นทุน รวมไปถึงการแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงเกินควรเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ใน SIEM กล่าวคือข้อมูลที่มากขึ้นทำให้สามารถใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพได้ยากขึ้นตามไปด้วย และแม้แต่โมเดล AI ที่ล้ำสมัยที่สุดก็ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่หากไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลแบบรวมศูนย์ได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ข้อมูลที่กระจัดกระจายอาจทำให้ตรวจไม่พบภัยคุกคาม เกิดการตรวจสอบล่าช้า และใช้เครื่องมือได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายดังกล่าวโดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญของแนวทางการป้องกันภัยแบบอัตโนมัติ (agentic defense) ด้วยการรวมข้อมูลด้านความปลอดภัยทั้งหมดจากไมโครซอฟท์และแหล่งข้อมูลภายนอกมาไว้ในศูนย์จัดเก็บข้อมูลที่คุ้มค่าแห่งเดียวกันที่มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ถูกสร้างขึ้นโดยตรงเป็นส่วนหนึ่งของระบบ (native connector) กว่า 350 รายการ โดยใช้ต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่า 15% ของการใช้บันทึกเหตุการณ์เชิงวิเคราะห์ (analytics logs) แบบเดิม รองรับการผสานข้อมูลภัยคุกคามอย่างไร้รอยต่อ เก็บข้อมูลระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI ที่ครอบคลุมทั้งระบบ จึงเป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์แต่เป็นเสมือนสถาปัตยกรรมใหม่ของการดำเนินงานด้านความปลอดภัย ที่ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถค้นหาภัยคุกคามย้อนหลังได้นานหลายเดือนหรือนับปี จำลองภาพเหตุการณ์ย้อนหลังได้อย่างแม่นยำ และปลดล็อกศักยภาพของ AI อย่างเต็มที่

มิลาน พาเทล (Milan Patel) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ BlueVoyant กล่าวเสริมว่า วิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ต่อศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel สะท้อนถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของความปลอดภัยทางไซเบอร์คือความชัดเจน พื้นที่จัดเก็บ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง จากการใช้งาน Sentinel กว่า 1,200 แห่งทั่วโลกทำให้ BlueVoyant ตระหนักถึงความต้องการดังกล่าวนี้ โดยความท้าทายของข้อมูลขนาดใหญ่กลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel จึงเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติของโมเดล SIEM และ SOAR ที่เข้ามารองรับการวิเคราะห์ยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ข้อมูล และกลยุทธ์การรับข้อมูลที่ยืดหยุ่น นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับลูกค้าที่ต้องการยกระดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยให้ทันสมัยยิ่งขึัน”

เพื่อช่วยให้ทีมงานรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้สูงสุด ไมโครซอฟท์ได้เปิดการเข้าถึงข้อมูลภัยคุกคาม (democratizing threat intelligence) โดยรวมความสามารถของ Microsoft Defender Threat Intelligence (MDTI) เข้ากับ Defender XDR และ Microsoft Sentinel โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกจากค่าบริการรับข้อมูล จึงไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์อื่น (SKU) แยกต่างหากเพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทรงพลัง โดยมูลค่าของ MDTI จะรวมอยู่ใน Sentinel และ Defender XDR ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 เป็นต้นไป หรือเมื่อรายงานภัยคุกคามของไมโครซอฟท์ทั้งหมดรวมถึงโปรไฟล์ข้อมูลเชิงลึกและตัวบ่งชี้การบุกรุก (IoCs) พร้อมใช้งานใน Defender XDR นอกจากนี้ IoCs จะถูกรวมเข้ากับระบบจัดการเคสของ Sentinel เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามระหว่างทีมภายในองค์กรได้ โดยจะทยอยเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ที่เหลือในอนาคต

ปัจจุบัน ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลภัยคุกคามเชิงลึกระดับแนวหน้าอันทรงพลัง ซึ่งรวบรวมจากกว่า 84 ล้านล้านสัญญาณต่อวัน และได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของไมโครซอฟท์กว่า 10,000 คน ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sentinel และ Defender ที่จะยกระดับศักยภาพด้วยข้อมูลภัยคุกคามคุณภาพสูงแบบเรียลไทม์ได้ที่นี่

 

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมรักษาความปลอดภัย

AI จะเข้ามาช่วยยกระดับงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (cybersecurity) ทั้งการตรวจจับที่รวดเร็ว การตอบสนองที่ชาญฉลาด ไปจนถึงการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปกว่าภัยคุกคามที่ซับซ้อนที่สุด อย่างไรก็ตามทีมรักษาความปลอดภัยส่วนใหญ่ยังต้องเผชิญกับข้อมูลที่กระจัดกระจายและบริบทที่ไม่ครบถ้วน การรวมศูนย์ข้อมูลไว้ในศูนย์จัดเก็บข้อมูลที่ผสานการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อตรวจจับภัยคุกคาม จะช่วยขจัดการทำงานแบบไซโล และป้อนบริบทข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อให้โมเดล AI อย่าง Security Copilot สามารถตรวจจับรูปแบบการโจมตีที่ซับซ้อน เชื่อมโยงสัญญาณต่างๆ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาและพื้นที่ และแจ้งเตือนได้อย่างแม่นยำ สร้างรากฐานในอนาคตให้กับ “การป้องกันอัตโนมัติขั้นสูงด้วย AI (agentic defense)” ที่ซึ่ง AI ไม่ได้เป็นเพียงผู้ช่วยแต่สามารถปฏิบัติงานได้เอง โดยประโยชน์ที่ทีมรักษาความปลอดภัยจะได้รับประกอบด้วย

 

  • การตรวจสอบพฤติกรรมของผู้โจมตีย้อนหลังได้หลายปี โดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บ
  • การเชื่อมโยงข้อมูลอุปกรณ์ กิจกรรม และ Threat Intelligence เพื่อรองรับกรณีก่อนและหลังเกิดการบุกรุก
  • การใช้ข้อมูลภัยคุกคามแบบเรียลไทม์เพื่อจัดลำดับความสำคัญ และตรวจหาภัยย้อนหลังจากข้อมูลในอดีต
  • การตรวจจับภัยคุกคามโดยอัตโนมัติตาม IoCs และ TTPs ล่าสุด
  • การใช้ KQL และ Spark ในการสืบค้นข้อมูลระยะยาว เพื่อค้นหารูปแบบการโจมตีที่ซับซ้อน
  • กาสนับสนุนข้อกำหนดด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ด้วยการจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า

เหล่านี้คือหน้าที่หลักของการดำเนินงานด้านความปลอดภัยยุคใหม่ ซึ่งทำได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และคุ้มค่ายิ่งกว่าที่เคย

เร็กซ์ เท็กซ์ตัน (Rex Thexton) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี Accenture Security กล่าวว่า สำหรับทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แล้วนั้น ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนหรือตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ช้า ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ของไมโครซอฟท์จึงเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการรวมศูนย์ข้อมูล เพิ่มความสามารถในการมองเห็น และวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ย้อนหลัง เอคเซนเชอร์และไมโครซอฟท์พร้อมช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากศูนย์จัดเก็บข้อมูลเพื่อขยายขีดความสามารถของ Microsoft Sentinel ให้ตรวจจับและรับมือกับการโจมตีแบบเชิงรุกได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”

จัดการงานด้านความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับการทำงานร่วมกับ AI

ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ของไมโครซอฟท์ช่วยให้จัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยืดหยุ่นและรวมศูนย์อยู่ใน Microsoft Defender โดยนำข้อมูลด้านความปลอดภัยทั้งหมดมารวมไว้กับเครื่องมือที่ทีมงานรักษาความปลอดภัยใช้ในการป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคาม ขณะที่นักวิเคราะห์สามารถสลับการทำงานระหว่างระดับชั้นการวิเคราะห์ (analytics tier) ต่าง ๆ และระดับของศูนย์จัดเก็บข้อมูล (data lake tier) ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ตอบสนองแบบเรียลไทม์และตรวจสอบเชิงลึกได้จากอินเทอร์เฟซเดียว โดยข้อมูลทั้งหมดในระดับชั้นการวิเคราะห์ข้อมูลจะถูกเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติกับระดับของศูนย์จัดเก็บข้อมูล นอกจากนั้นศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ยังถูกสร้างขึ้นในระบบเปิด องค์กรจึงสามารถปรับแต่งกระบวนการทำงานด้านการวิเคราะห์ พัฒนาโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) เฉพาะทาง และใช้งานเครื่องมือที่คุ้นเคยได้บนสำเนาของข้อมูลความปลอดภัยเพียงฉบับเดียว เพื่อเพิ่มมูลค่าจากศูนย์จัดเก็บข้อมูลให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้าน ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel พร้อมปรับให้สอดรับกับกลยุทธ์และการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของแต่ละองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการรวมเครื่องมือ เพิ่มขนาดศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (SOC) หรือเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามด้วย AI

 


ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel จะขับเคลื่อนทีมงาน สู่ยุคใหม่ของการดำเนินงานด้านความปลอดภัย โดยรับประกันความครอบคลุมของช่วงเวลาและแหล่งข้อมูลด้านความปลอดภัย ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถดำเนินการเชิงรุกทั้งตรวจจับการโจมตีแฝง ตรวจจับภัยคุกคามใหม่ด้วยโมเดล AI สร้างไทม์ไลน์เชิงนิติวิทยาย้อนหลังของเหตุการณ์ได้อย่างละเอียด ตลอดจนค้นหาสัญญาณของการเจาะระบบย้อนหลังที่อาจถูกมองข้ามได้

ศรีนี ทุมมาลาเพนตา (Srini Tummalapenta) วิศวกรอาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี IBM Consulting Cybersecurity Services กล่าวว่า การใช้งานแอปพลิเคชันและ AI บนระบบคลาวด์แบบไฮบริดทำให้โอกาสถูกโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น ขณะที่รูปแบบการโจมตีด้วย AI กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หลายองค์กรไม่ได้ขาดเพียงแค่เครื่องมือที่ดีขึ้น แต่ยังขาดการมองเห็นระบบ IT การตั้งค่าที่ใช้งานอยู่ และบริบททางธุรกิจแบบเรียลไทม์องค์กรจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินทรัพย์ (Asset Intelligence) และความร่วมมือจากภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเพื่อให้เข้าใจความเสี่ยงที่แท้จริง ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ของไมโครซอฟท์คือก้าวสำคัญสู่การเข้าใจความเสี่ยงอย่างรอบด้าน และ IBM พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายนี้ร่วมกัน”

การเปิดตัวศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel” ไม่เพียงเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการพลิกโฉมเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทีมปฏิบัติการด้านความปลอดภัยสามารถตอบสนองได้เร็วขึ้นและมองเห็นภาพรวมได้อย่างรอบด้าน Microsoft Sentinel ยังเดินหน้าเติมเต็มศักยภาพด้วยสถาปัตยกรรมที่ปรับขยายได้ซึ่งผสาน SIEM, XDR และข้อมูลภัยคุกคาม (Threat Intelligence) เข้าด้วยกันเพื่อนำเสนอประสบการณ์การใช้งานไร้รอยต่อ ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel คือรากฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ที่ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้มากขึ้น อย่างชาญฉลาด และคุ้มค่ากว่าที่เคย

เริ่มต้นใช้งานได้แล้ววันนี้

ศูนย์จัดเก็บข้อมูล Sentinel ของไมโครซอฟท์เปิดให้ทดลองใช้งานแล้ววันนี้

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ได้ที่เว็บไซต์ หรือบุ๊กมาร์กบล็อกเกี่ยวกับความปลอดภัยเพื่อติดตามเนื้อหาล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญ และติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ทาง LinkedIn (Microsoft Security) และ X (@MSFTSecurity)



[1] Announcing new cloud-based technology to empower cyber defenders, Official Microsoft Blog. Ann Johnson. Feb 28, 2019.

ความคิดเห็น