เทคนิคการเลือกสาย HDMI ที่ควรรู้ก่อนซื้อใช้งาน

  
  หลายครั้งที่ผมต้องไปเดินเลือกซื้อและให้คำแนะนำเกี่ยวกับ สาย HDMI ซึ่งตัวเองผมเองและหลายคนชอบถาม ทำไมสาย HDMI มีราคาแตกต่างกัน บางแบรนด์สายราคาหลักร้อยบางแบรนด์ราคาหลักพันบาท เราจะเลือกยังไง? 

   จากคำถามผมจึงคิดว่าควรแนะนำเทคนิคการเลือกสาย HDMI ที่ควรรู้ก่อนซื้อใช้งาน เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อครับ โดยมี 3 หัวข้อดังนี้ 



1. ส่วนตัว หรือ ธุรกิจ


     สิ่งแรกที่เรานั้นนำมาใช้ในกานตัดสินใจเลือกซื้อสาย เพราะถ้าเรานำมาใช้งาน แบบส่วนตัว ระยะสายและการเชื่อมต่อนั้นจะชัดเจนง่าย เพราะโดยส่วนใหญ่สายที่ใช้งานจะมีระยะไม่เกิน 5 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่สาย HDMI มีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด พร้อมทั้งต่ออุปกรณ์แบบ 1 ออก 1 เช่น คอมพิวเตอร์ ต่อไปยังหน้าจอ monitor หรือ TV  ทำให้เราสามารถเลือกสาย HDMI มาใช้งานได้ทุกแบรนด์ครับ  แต่หากใช้งานแบบ ธุรกิจ เราจะพบว่ามีระยะของสายที่เพิ่มขึ้นเช่น จะมี 5 -20 เมตร และยังมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่มากขึ้น อาจจะเป็นการต่อ 1 ออก 4 เช่น คอมพิวเตอร์ต่อไปยัง HDMI Splitter จากนั้นไปต่อไปยัง หน้าจอ monitor อีกจำนวน 4 จอ ทำให้สาย HDMI ที่เราจะเลือกมาใช้งานนั้นต้องมีคุณภาพดีได้มาตรฐานถึงจะไม่เกิดปัญหาเวลาใช้งาน เพราะสาย HDMI ที่คุณภาพต่ำจะพบปัญหาสัญญาณขาดหายและความเร็วลดลงเมื่อมีการต่อเพิ่มอุปกรณ์ 

   แบบส่วนตัว : เลือกใช้สายตามงบประมาณหรือระดับกลาง
   แบบธุรกิจ   :  เลือกใช้สายระดับคุณภาพที่ได้มาตาฐานมีการรับประกัน 

2. เวอร์ชั่น และ ประเภทของสาย


  ผมเชื่อว่ามีหลายคนสับสนเวลาไปสอบถามคนขายเพราะ บางคนถามว่าต้องการสาย HDMI เวอร์ชั้นไหน? บางคนบอกว่าเอาไปใช้กับเครื่องเวอร์ชั่นไหน? และบางคนบอกต้องการสายมาตรฐานระดับไหน?

เรามาทำความเข้าใจกันดีกว่าครับ 
   เวอร์ชั่น HDMI  คือมาตรฐานการส่งและรับสัญญาณของอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ใช้ Port HDMI เวอร์ชั่น 1.4a แสดงว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ส่งสัญญาณภาพความละเอียดและความเร็วของสัญญาณได้ไม่เกินมาตาฐาน 1.4a เท่านั้น ถึงแม้สาย HDMI จะมีคุณภาพสูงกว่า หรือจอที่รองรับจะมีความละเอียดสูงกว่าก็ตาม! นั้นคือสาเหตุที่เราควรรู้ว่าอุปกรณ์ที่ใช้เป็นเวอร์ชั่นไหน 
สำหรับสาย HDMI จะเน้นไปที่ความสามารถในการรับส่งสัญญาณ เพราะสาย HDMI มีหน้าที่เป็นตัวกลางในการวิ่งของสัญญาณจากตัวส่งไปยังตัวรับให้รวดเร็วที่สุด เราจึงต้องดูรายละเอียด ฺBandwidth ของสาย HDMI ก่อนที่จะซื้อ เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดว่าสามารถรองรับอุปกรณ์ HDMI เวอร์ชั่นไหนได้สูงที่สุด เช่น 



  จากรูปจะเห็นได้ว่า HDMI เวอร์ชั่น 2.1 มีความต้องการ Bandwidth เพื่อรองรับการรับส่งข้อมูล (Max. Max. Transmission Bit Rate ) สูงถึง 48.0 Gbit/s ซึ่งหากเราต้องการใช้งานเราต้องเลือกซื้อสาย HDMI ที่รองรับ Bandwidth 48.0 Gbit/s  
  ซึ่ง Bandwidth นั้นมีผลยังไงกับความละเอียดลองดูข้อมูลจากต่างนี้

ข้อมูลจาก Wikipedia
  จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าการส่งสัญญาณภาพมีความต้องการ Bandwidth ที่แตกต่างกันจาก Resolution และ Refresh Rate ยิ่งสูง Data Rate ก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งสาย HDMI จะต้องมี Bandwidth ที่รองรับจึงจะสามารถใช้งานความละเอียดสูงสุดได้ แต่ถ้า Bandwidth ไม่ตรงกับความละเอียดที่ต้องการก็ยังแสดงผลได้ในความละเอียดต่ำที่สูดของสายที่รองรับ 


ประเภทของสาย คือมาตรฐานที่ใช้เรียกคุณสมบัติของสาย HDMI เนื่องจากรูปแบบการใช้งานของสาย HDMI นั้นมีการถูกแบ่งไว้ประมาณ 6 ประเภท 

  • Standard HDMI Cable รองรับปริมาณข้อมูลในการส่งสัญญาณภาพที่ 720p, 1080p ,2k, ซึ่งลองสังเกตดูจะพบว่า Bandwidth จะอยู่ประมาณ  10.2 Gbit/s (ถ้าซื้อสายที่ไม่มีข้อมูลระบุไว้ก็น่าจะเป็นมาตรฐานนี้)  เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปเช่น  SET TOP BOX , DVD Player, จอ Monitor 
  • Standard HDMI Cable with Ethernet ความสามารถเหมือนสาย Standard แต่เพิ่ม Ethernet Channel สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ HDMI-HEC  (ยังไม่มีอุปกรณ์ไหนนำไปใช้งานจริงๆ)
  • Standard Automotive HDMI Cable ความสามารถเหมือนสาย Standard แต่เพิ่มเติมการทดสอบให้มากกว่า เพราะสายต้องนำไปใช้ในรถยนต์ซึ่งมีการกวนกันของสัญญาณสูงกว่าและทนทานมากกว่า 
  • High Speed HDMI Cable รองรับปริมาณข้อมูลในการส่งสูงโดย  Bandwidth จะอยู่ประมาณ  18.0 Gbit/s  เพื่อรองรับการส่งสัญญาณภาพสูงสุด 4K Refresh Rate 60Hz (ความยาวมาตาฐานไม่ควรเกิน 5 เมตร) เหมาะสำหรับงานในกลุ่มธุรกิจ และความบันเทิงระดับ 4K  
  • High Speed HDMI Cable with Ethernet ความสามารถเหมือนสาย High Speed แต่เพิ่ม Ethernet Channel เข้ามา 
  • Ultra High Speed HDMI Cable รองรับปริมาณข้อมูลในการส่งสูงโดย  Bandwidth จะอยู่ประมาณ 48.0 Gbit/s  เพื่อรองรับการส่งสัญญาณภาพสูงสุด 8K Refresh Rate 60Hz และ Refresh Rate 120Hz เหมาะสำหรับงานในกลุ่มธุรกิจระดับสูง และกลุ่ม Gamer 
    เวอร์ชั่น HDMI  : เป็นสิ่งที่เราต้องรู้เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อสาย HDMI ว่าต้องเป็นสายประเภทไหนที่เหมาะสม 
   ประเภทของสาย : เป็นตัวกำหนดคุณภาพและราคาของสาย HDMI เวลาซื้อควรตรวจสอบ

3. คุณสมบัติเฉพาะของสาย HDMI 

    จาก 2 ข้อที่ผมแนะนำเชื่อว่าจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อสาย HDMI ได้พอสมควรแล้วใช่ไหมครับ ซึ่งในข้อที่ 3 คุณสมบัติเฉพาะของสาย HDMI อันนี้จะเป็นส่วนเสริมที่อาจจะมีคนเคยสงสัย คือ


  •   สายถัก HDMI ทนกว่าาย HDMI ปกติจริงไหม? 
    • จริงแต่ไม่ทั้งหมด เพราะมันทนกว่าเฉพาะภายนอก แต่หากโดยหนูกัดหรือม้วนเก็บสายไฟไม่ดีก็หักได้เช่นกัน
  •  หัวต่อสาย HDMI มีผลต่อการใช้งานไหม? 
    • มีผลในเรื่องความเร็วในการรับส่งสัญญาณและความทนทาน แต่ไม่ได้มีผลเรื่องความละเอียด ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานหากใช้งานส่วนตัวประเด็นนี้ไม่สำคัญครับ 
  • เทคโนโลยี HDR คืออะไรจำเป็นไหมที่ต้องมี  
    •  High Dynamic Range (HDR) คือเทคโนโลยีตัวช่วยเรื่องความสว่างของแสงในการแสดงผล ซึ่งควรมีใน สาย HDMI หากต้องการเชื่อมต่อกับ TV หรืออุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้

  •  สาย HDMI มีความยาวได้ไม่เกิน 20 เมตรจริงไหม? 
    • ไม่จริง เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีสาย HDMI ได้มีการพัฒนาในหลายรูปแบบซึ่งหากมีความต้องการเชื่อมต่อสาย HDMI ที่มากกว่า 20 เมตรนั้นสามารถทำได้ ผมขอยกตัวอย่างสายของ KRAMER รุ่รุ่น CLS-AOCH/XL  ความยาว 60.00 เมตร โดยตัวสายเป็น Fiber Optic ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกหากต้องการเชื่อมต่อสาย HDMI ที่มีระยะทางไกลได้ 
   คุณสมบัติเฉพาะของสาย HDMI  นั้นมันเป็นตัวกำหนดราคาของสาย HDMI ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งหากคุณสมบัตินั้นตรงกับความต้องการในการใช้งานก็ควรนำมาเป็นปัจจัยในการเลือกตัดสินใจ 

  ทั้งหมดเป็นเทคนิคการเลือกสาย HDMI ของผมซึ่งจากประสบการประสบการณ์ตรง ผมเคยเจอปัญหาสำหรับการใช้งานแบบธุรกิจเยอะพอสมควร เชื่อมต่อ Laptop ในห้องประชุมภาพขึ้นช้าหรือกระพริบพอเปลี่ยนสาย HDMI อาการนี้หายไป และปัจจุบัน Laptop รุ่นใหม่บางรุ่นต้องใช้ adapter แปลงเป็น HDMI  พอเชื่อมต่อสัญญาณภาพไม่ขึ้นก็มีครับ ทำให้การเลือกสาย HDMI ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 
ผมหวังว่าเทคนิคการเลือกสาย HDMI ของผมน่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านครับ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น