สร้างแผนธุรกิจ เพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่ระบบดิจิทัล
โดย แอนโทนี่ ลอย รองประธาน ฝ่ายที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นสำหรับอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค
ปัจจุบันแนวโน้มต่างๆ
ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อย่างเรื่องการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศ
(reshoring) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชน
การเติบโตของ AI และเทคโนโลยีสีเขียวใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับวิกฤตด้านพลังงานกันอยู่เรื่อยๆ
รวมถึงแรงกดดันในการดำเนินงานเพื่อสร้างความยั่งยืนมากขึ้น
ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถเลื่อนแผนงานในการสร้างความยั่งยืนได้อีกต่อไป อาทิ การปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้
และการลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทน
แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดเหล่านี้ ทำให้ช่องว่างทางดิจิทัลขยายกว้างขึ้น ส่งผลให้การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับธุรกิจ บริษัทที่เคยลงทุนในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลมาก่อน สามารถบริหารจัดการการทำงานจากระยะไกลได้ดีกว่า ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ต่างกำลังเร่งปรับสู่ดิจิทัลเพื่อตามให้ทัน ทำให้การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นสำหรับธุรกิจ เพราะ “องค์กรเหล่านี้กำลังหาโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมาใช้ รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลการดำเนินธุรกิจ แม้การเข้าถึงข้อมูลจะเป็นเรื่องสำคัญมาโดยตลอด แต่ปริมาณและความซับซ้อนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่กระจายอยู่ในหลายพื้นที่และมีอุตสาหกรรมหลายประเภท” วิจัยโดย OMDIA และ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค
อุปสรรคในการทรานส์ฟอร์ม
แม้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ
จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ทางธุรกิจ ให้ประสิทธิภาพด้านการใช้ทรัพยากร และให้คุณภาพที่ดีขึ้นก็ตาม
แต่ยังมีอุปสรรคที่ขัดขวางความก้าวหน้าก่อนจะได้มาซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้
ในหลายประเด็นด้วยกัน
- ความเข้าใจในเทคโนโลยี
- ต้นทุน ทั้งในส่วนของตัวเทคโนโลยีเองและการนำไปใช้งาน
- การเลือกพันธมิตรจากภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญ
- การได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากทั้งองค์กร
เข้าใจถึงลำดับความสำคัญทางธุรกิจ
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยแผนงาน ในการพัฒนากลยุทธ์การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล
ผู้ใช้งานควรต้องระบุให้ได้ว่าโครงการนั้นนำด้วยอะไร การดำเนินงานหรือเทคโนโลยี จากนั้นค่อยมองหาพันธมิตรที่เหมาะสม
และพัฒนาแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนว่าตัวเอง (หรือระบบนิเวศของพันธมิตร)
จะสามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของผู้ผลิตด้วยโซลูชั่นเทคโนโลยีอย่างไร
ผู้นำต้องกำหนดความต้องการที่เร่งด่วนที่สุดขององค์กร และมุ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจให้ตรงจุดก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะพิจารณาเทคโนโลยีที่เหมาะสม จากนั้นจึงเริ่มเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากกระบวนการแยกแต่ละส่วน เพื่อสร้างความยืดหยุ่น สร้างผลผลิตที่ดี และลดการปล่อยมลพิษ
สร้างทีมเพื่อเป็นผู้นำและดูแลการทรานส์ฟอร์ม
ในโลกแบบไฮบริดทุกวันนี้
แต่ละแผนกในองค์กรมักไม่ค่อยเข้าใจความท้าทายของแผนกอื่นๆ การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จนั้น
ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างแผนก (เช่น แผนก IT, แผนกปฏิบัติการ, ผู้บริหารระดับสูง,
และฝ่ายทรัพยากรบุคคล) การสื่อสารที่ชัดเจน การฝึกอบรม
และการให้การสนับสนุน
มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นให้แก่พนักงาน และต้องเชื่อมั่นในเทคโนโลยีใหม่ๆ
‘คน’ สำคัญกว่าเทคโนโลยี ซึ่งทีมงานต้องมีความเชื่อมั่น และมุ่งมั่นในการใช้โซลูชั่นดิจิทัล แม้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในช่วงแรกอาจจะยังไม่สูงนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป และมีประสบการณ์มากขึ้น การทรานส์ฟอร์มจะมีประสิทธิภาพและสร้างนวัตกรรมได้มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับผลตอบแทนที่เร็วขึ้น
ปัจจัยความสำเร็จที่เหนือกว่า
ROI
โครงการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลหลายโครงการอาจเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเวลาใดก็ได้
คุณสามารถติดตาม จัดการ และสื่อสารผลลัพธ์ของแต่ละโครงการได้อย่างชัดเจน
โดยให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดด้านการปฏิบัติงานสองหรือสามประการ เช่น
จำนวนสินทรัพย์ที่เชื่อมต่อกัน หรือจำนวนผู้ที่ผู้ใช้งานสม่ำเสมอ
ตัวชี้วัดทางการเงินก็มีความสำคัญ
แต่ต้องพิจารณาผลกระทบเชิงคุณภาพด้วยเช่นกัน โครงการต่างๆ
สามารถส่งผลกระทบต่อความยั่งยืน ความยืดหยุ่น และความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณ
ในรูปแบบต่างๆ ดังต่อไปนี้
- เพิ่มความสามารถในการมองเห็นที่มากขึ้น
- ต้นทุนด้านไอที
- ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากองค์กร
- การบริหารจัดการระบบเดิม
- การยกระดับทักษะของพนักงาน (เพื่อดึงดูดบุคลากรใหม่)
ตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเรียบง่าย จะช่วยให้องค์กรของคุณติดตามต้นทุนและข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เข้าใจความก้าวหน้าของงานได้อย่างเต็มที่
พิจารณาทิศทางและการสนับสนุนจากภายนอก
โครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมักเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพทีละน้อย
และมอบผลประโยชน์ที่ต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม ผู้นำควรหลีกเลี่ยงการปรับปรุงง่ายๆ
เพียงเพื่อผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
หรือการยึดติดกับกรอบเวลาที่เข้มงวดเกินไป แนะนำให้ใช้แนวทางแบบ 'แพลตฟอร์ม' ซึ่งเริ่มจากขนาดเล็กและขยายเพิ่มเติมได้
พร้อมกับการทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ให้การสนับสนุน และให้ความยืดหยุ่น
แม้ว่าบริษัทจะเข้าใจการดำเนินงานในองค์กร
แต่บ่อยครั้งขาดมุมมองจากภายนอกในเรื่องของศักยภาพ การสร้างแผนธุรกิจต้องมีการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร
และความร่วมมือกับผู้จำหน่าย การเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในอดีตและมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในขั้นตอนของการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลง
ที่ปรึกษาสามารถให้มาตรฐานและโมเดลการปฏิบัติงานที่มีประโยชน์ ซึ่งช่วยเปลี่ยนความก้าวหน้า
ให้กลายเป็นการประหยัดเงินได้
การร่วมมือกับพันธมิตรและผู้จำหน่ายที่ให้แผนงานที่ชัดเจน
และสอดคล้องกับเป้าหมายเฉพาะของการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรมเป็นสิ่งสำคัญ นี่คือวิธีการเริ่มต้นในการสร้างแผนธุรกิจ
เพื่อให้การทรานส์ฟอร์มประสบความสำเร็จ และช่วยลดความเสี่ยง
หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเริ่มต้นกับกลยุทธ์ของคุณ
สามารถดาวน์โหลดเอกสารไวท์เปเปอร์ของเราเรื่อง 'การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลในอุตสาหกรรม—มุมมองเกี่ยวกับกลยุทธ์ความสำเร็จและความท้าทายที่พบบ่อย’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น