แอลจีเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี
2024
ผลักดันธุรกิจด้วยนวัตกรรม พร้อมรักษาสมดุลระหว่างธุรกิจหลักและการเติบโตในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
กรุงโซล, 29 เมษายน พ.ศ. 2567 – บริษัท แอลจี
อีเลคทรอนิคส์ จำกัด หรือแอลจี ประกาศรายได้รวมช่วงไตรมาสแรกในปี 2567 อยู่ที่
21.09 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.67 แสนล้านบาท) และมียอดกำไรผลประกอบการอยู่ที่
1.33 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) โดยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังครองความเป็นผู้นำในระดับโลก
ด้วยการสร้างสถิติใหม่ในแง่ยอดรายได้และกำไรจากผลประกอบการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในขณะที่ธรุกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า
EV ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในการผลักดันการเติบโตในอนาคตของแอลจียังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
และกลุ่มธุรกิจโทรทัศน์และกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับธุรกิจยังคงมียอดขายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว
และยังสร้างผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ แอลจียังคงสามารถทำยอดรายได้รวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในระดับมหภาค เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น
อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
โดยความสำเร็จในครั้งนี้ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงผลความสำเร็จของการปรับใช้รูปแบบธุรกิจที่มีความยั่งยืน
เช่น บริการในรูปแบบสมัครสมาชิก และการใช้ประโยชน์จากโอกาสการเติบโตในส่วนของธุรกิจระหว่าองค์กร
(B2B) โดยแอลจีได้ให้ความสำคัญถึงเรื่องฟีเจอร์ที่มีความหลากหลาย
ทั้งในด้าน AI การประหยัดพลังงาน และการดีไซน์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ศักยภาพการแข่งขันของแอลจีในตลาดระดับพรีเมียม
นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและโครงสร้างการกำหนดราคาที่มีความยืดหยุ่น
ทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดเทรนด์ความต้องการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
แอลจีสามารถทำกำไรจากผลประกอบการได้สูงกว่า 1 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท)
ติดต่อกันเป็นปีที่ห้า และได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่แข็งแกร่งท่ามกลางสภาพการแข่งขันในตลาดที่เข้มข้น
โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านคอนเทนท์ บริการ และการขายตรงกับลูกค้าผ่านร้านค้าออนไลน์
(OBS) ซึ่งส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ ความพยายามในการรักษาต้นทุนวัตถุดิบและการขนส่งให้คงที่
รวมทั้งแหล่งการผลิตที่มีความยืดหยุ่น ยังได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างผลกำไรให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ในส่วนของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและโซลูชันเครื่องปรับอากาศของแอลจี ยังสามารถสร้างรายได้ในช่วงไตรมาสแรกได้ที่
8.6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 2.3 แสนล้านบาท)
และสร้างกำไรผลประกอบการได้ที่ 940.3 พันล้านวอน (หรือประมาณ
2.5 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้สร้างยอดการเติบโตให้แก่รายได้อย่างมีนัยสำคัญที่
7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และสร้างสถิติใหม่ในแง่ของผลประกอบการช่วงไตรมาสแรกของแอลจี
ส่วนกำไรของผลประกอบการดังกล่าวยังถือเป็นยอดสูงสุดอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ ด้วยอัตราส่วนของกำไรผลประกอบการที่
10.9% ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพการแข่งขันอันยอดเยี่ยมของแอลจีในระดับโลก
ปัจจัยการผลักดันจากเทคโนโลยีหลัก ๆ โดยเฉพาะจากมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ ได้ทำให้ส่วนธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของแอลจีสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่องในสภาพตลาดที่มีความอิ่มตัว
โดยแอลจีได้มุ่งมั่นในจุดยืนด้านการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการบุกเบิกในโครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง
ๆ ทั้งในแง่ของบริการด้านผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสมัครสมาชิก และการต่อยอดคอนเซ็ปต์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเรื่อง
‘ความอัจฉริยะอันมีเสน่ห์’ โดยนวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ แอลจียังได้ขยายกลุ่มธุรกิจ B2B อย่างมีกลยุทธ์ ซึ่งรวมไปถึงโซลูชันด้านระบบปรับอากาศ ที่ช่วยทำให้เกิดรายได้จากโอกาสธุรกิจใหม่
ๆ
ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ของแอลจี มียอดรายได้ในไตรมาสแรกคิดเป็นมูลค่า
2.66 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ
7.2 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 52
พันล้านวอน (หรือประมาณ 1.4 พันล้านบาท) โดยนับเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 11.5
เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และยังมีการเปลี่ยนแปลงยอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์คงค้างสู่การเป็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
แม้ว่าจะมีการลงทุนด้านการสร้างฐานผลิตในต่างประเทศเพื่อตอบสนองจำนวนคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับจ้างผลิตสินค้า
(OEMs) ทางบริษัทยังสามารถรักษาผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดการประหยัดต่อขนาด
(Economies of Scale) อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการขยายตัวของรายได้
แม้ว่าจะมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอตัวของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตในช่วงที่ผ่านมา
ความต้องการของชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าสูง (High-value-added EV Components) จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแอลจีรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยการพัฒนาพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและครอบคลุม
ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กลุ่มอินโฟเทนเมนท์ในยานยนต์ ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนและไฟหน้ารถยนต์
โดยแอลจีมุ่งมั่นรักษาการเติบโตด้านรายได้และเสถียรภาพของฐานกำไรด้วยการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเหล่านี้อย่างแน่วแน่
ด้านกลุ่มธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มีมูลค่าผลประกอบการอยู่ที่ 3.49 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ
9.4 แสนล้านบาท) โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงาน
132.2 พันล้านวอน (หรือประมาณ 3.6 พันล้านบาท)
และคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น 4.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
การเพิ่มขึ้นของกำไรผลประกอบการนี้ขับเคลื่อนโดยการฟื้นตัวของความต้องการผลิตภัณฑ์โทรทัศน์ในทวีปยุโรปประกอบกับการประสบความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในปี
2567 และจากผลการประกอบธุรกิจที่แข็งแกร่งของธุรกิจแพลตฟอร์ม
webOS คอนเทนต์และการบริการรวมไปถึงการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางดั้งเดิม
ได้สะท้อนให้เห็นผ่านผลกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทยังสามารถกวาดกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางความท้าทายต่าง
ๆ ซึ่งรวมถึงราคาแผงหน้าจอ LCD ที่เพิ่มขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี
02-057-5757
และดูข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น