เตรียมพร้อมรับมือโลกหลังวิกฤติโรคระบาดด้วยเทคโนโลยี
กรุงเทพฯ, 24 ธันวาคม 2563 - ในช่วงเวลาที่ทั่วโลกเผชิญหน้ากับโรคระบาดโดยไม่มีใครคาดคิด
เทคโนโลยีถูกนำมาช่วยแก้ไขวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการแพทย์ การอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป
และคาดการณ์ว่าเทคโนโลยียังจะเป็นปัจจัยหลักสำคัญของโลกหลังภาวะการโรคระบาดอีกด้วย
ภายในงานสัมมนาหัวข้อ "Beyond the Pandemic:
A Decade of Challenges from 2021'' นายไมเคิล แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล
หัวเว่ย เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวถึงเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น
รวมถึงแนวทางการปรับวิธีดำเนินธุรกิจในโลกหลังโควิด-19 ว่า “สิ่งที่ภาคธุรกิจควรคำนึงถึงคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรและการดำเนินธุรกิจจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ซึ่งมีการขยายตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ
เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด” โดยเทคโนโลยี 5G เปรียบเสมือนเครื่องมือผลักดันสู่ความเป็นดิจิทัล ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
5G เป็นลำดับที่ 3 – 4 ของโลก หากในปี พ.ศ. 2564 มีการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง
ๆ ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนสู่รูปแบบดิจิทัล จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งด้านเศรษฐกิจ
การดำเนินธุรกิจ และการสาธารณสุข”
ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยให้ข้อมูลว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่งผลอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การจับจ่ายใช้สอยที่เปลี่ยนเป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น
ทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่าน QR Payment หรือธุรกิจ
Food Delivery นอกจากนี้
หลายองค์กรเริ่มมีนโยบายสนับสนุนการทำงานทางไกลและการประชุมออนไลน์ ซึ่งเร่งให้เกิดการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะและเทคโนโลยีคลาวด์ที่สนับสนุนการทำงานทางไกลที่ต้องอาศัยความเร็วและความหน่วงต่ำ
เป็นตัวอย่างของการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ (Seamless Connection) ที่จะทำให้เกิดการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
สำหรับด้านการสาธารณสุข ในหลายประเทศก็เริ่มมีการผ่าตัดจากระยะไกลด้วยโครงข่ายเทคโนโลยีที่มีแบนด์วิดท์สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความคมชัด รวมถึงการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
(Artificial Intelligence – AI) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่สามารถประมวลผลและตัดสินใจได้ในระยะเวลาอันสั้น
จึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ในประเทศไทย ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีมีบทบาทมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
กับทั้งชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงจึงจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของภูมิภาครวมถึงยุคเทคโนโลยีอัจฉริยะได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบ
นอกจากภาคธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว
การวางรากฐานด้านโครงสร้างต่าง ๆ ของรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศเช่นกัน
ซึ่งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงแนวทางการบริหารด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งต้องมีเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในกลไกหลักของการขับเคลื่อน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สังคมไทยในทุกภาคส่วนเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ประชาชนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ได้เป็นอย่างดี และในอนาคตการแลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยี
(Transfer of Technology)
จะไม่จำกัดแต่เพียงการหยิบยืมหรือซื้อขายระหว่างประเทศเท่านั้น
แต่ต้องพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ถึงแม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะยังคงทรงตัว แต่กลับกลายเป็นโอกาสในการให้ความสำคัญด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทอย่างเห็นได้ชัดในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย
ทั้งในภาคสาธารณสุข ภาคธุรกิจ หรือแม้แต่การดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับมือกับสภาวการณ์ใหม่ของ
โลกในยุคหลังโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในอนาคต
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น