จากกรณีที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยว่า ในปี 2561-2562 มีสถิติผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการกระทำความผิดในลักษณะถูกแฮกแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) และถูกหลอกให้โอนเงินราว 5,918 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1,100 ล้านบาท และได้จับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายแล้ว 446 รายนั้น
บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแอปพลิเคชันไลน์ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1.เกิดจากเจ้าของบัญชีให้ข้อมูลการเข้าถึงบัญชี เช่น รหัสผ่าน แก่บุคคลอื่น โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น นำมือถือ คอมพิวเตอร์ให้บุคคลอื่นซ่อมแซม 2.เมื่อเจ้าของบัญชีตั้งค่ารหัสผ่าน รวมถึงตั้งค่าให้อุปกรณ์นั้นๆ ให้ทำการล็อกอินโดยอัตโนมัติทุกครั้ง โดยไม่มีการลงชื่อ ออก (Log out) แต่อย่างใด หรือมีข้อมูลรหัสผ่านเดียวกันหมด ถือว่า มีความเสี่ยงสูง เพราะหากมิจฉาชีพหรือผู้ใช้งานอื่นล่วงรู้รหัสผ่าน หรือสามารถเข้าถึงบัญชีในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ก็สามารถเข้าถึงโซเชียลมีเดียและบัญชีอื่นๆ ที่ลิงก์กันเกือบทั้งหมดได้ทันที 3.การกดเข้าร่วมโหวต ชิงโชค เล่นเกมต่างๆ ด้วยลิงก์หรือ URL ที่มีความเสี่ยง โดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากลิงก์หรือ URL หรือคำเชิญชวนดังกล่าวอาจเป็นไวรัสหรือเป็นกับดักของมิจฉาชีพที่มักจะมีการขอให้ผู้ใช้กดยินยอมให้ข้อมูลการเข้าถึงบัญชีโดยไม่รู้ตัว ทำให้มิจฉาชีพได้ข้อมูลดังกล่าวไปในทันที
อย่างไรก็ตาม มีแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ได้แก่ ดังต่อไปนี้ 1.รวบรวมหลักฐานแจ้งมายัง https://contact-cc.line.me/th/ (หรือพิมพ์ contact.line.me) โดยเจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเบื้องต้นทางด้านเทคนิค รวมถึงการยุติบัญชีชั่วคราวหากจำเป็น 2.ในกรณีที่มีมิจฉาชีพนำบัญชีไลน์ของผู้เสียหายไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ให้รีบแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3.ให้ผู้ใช้งานหมั่นอัปเดตหรือเปลี่ยนรหัสผ่านของตนเอง รวมถึงสำรองข้อมูลแชทอย่างสม่ำเสมอ และไม่กดเข้า ลิงก์หรือ URL ที่ไม่น่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบที่มาที่ไปให้แน่ใจก่อนทุกครั้ง.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น