ทีมอลล์ให้เปิดโอกาสให้แบรนด์และร้านค้าได้ยลโฉมแฟลกชิปสโตร์ใหม่
“แฟลกชิป สโตร์ 2.0” (Flagship Store 2.0) โดยออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่สร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์ความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่น
ของที่เราน่าจะชอบและเลือกซื้อจะปรากฎขึ้นที่หน้าแรกแทนที่จะต้องไปค้นหา นอกจากนี้
ยังมีอัลกอริธึ่มที่เก็บข้อมูลและเปรียบเทียบคูปองและโปรโมชั่นคืนเงิน รวมถึงคำนวณข้อเสนอที่ดีที่สุดหลังหักส่วนลดแล้ว
แทนที่ลูกค้าจะต้องคิดเอง
ร้านค้าแบบใหม่นี้
ยังจะนำเสนอคอนเทนท์ที่เหมาะกับความชอบของแต่ละคน เช่น
ผู้ที่ชอบดูวิดีโอก็ได้เห็นวิดีโอสั้นมากกว่าคนที่ชอบช้อปปิ้งผ่านไลฟ์สตรีม
นายเจียง
ฟาน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เถาเป่าและทีมอลล์ กล่าวว่า
แฟลกชิปสโตร์เจนเนอเรชั่นถัดไปจะเป็นส่วนหนึ่งของบริการและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่อาลีบาบามีแผนที่จะนำเสนอต่อเนื่องตลอดปี
รวมไปถึงการค้นหาและข้อเสนอแนะ การตลาดและการทำแบรนด์
“ซึ่งจะยิ่งช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มและสร้างความเติบโตให้กับร้านค้า
ในขณะเดียวกันก็สร้างประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภคทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์”
ทีมอลล์คาดว่าจะเปิดใช้รูปแบบร้านใหม่นี้ก่อนมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
จากแฟนของแบรนด์
สู่การเป็นแบรนด์แชมเปี้ยน
สำหรับร้านค้าแล้ว
ทีมอลล์ได้นำเสนอวิธีการในการสร้างเอ็นเกจเม้นต์กับผู้บริโภค
ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “แบรนด์ รอยัลตี้ สกอร์”
ซึ่งผู้บริโภคจะเก็บคะแนนจากการร่วมกิจกรรมกับแต่ละร้าน
ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาผลิตภัณฑ์ เลือกสินค้าใส่ลงในตะกร้าช้อปปิ้ง จนไปถึงการเล่นเกม
และรีวิวสินค้า ยิ่งมีคะแนนมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากแบรนด์ในฐานะแฟนคลับมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่งการเป็นแฟนคลับ ก็จะทำให้สามารถได้สื่อสารกับแบรนด์ เช่น
อ่านข้อมูลที่แบรนด์โพสต์ ดูวิดีโอ หรือเห็นข้อมูลอื่น ๆ
เกี่ยวกับแบรนด์ได้มากขึ้น สะสมคะแนนได้มากขึ้นอีก
ฟีเจอร์ “สโตร์ ลอฟท์”
เพื่อเป็นการช่วยแบรนด์สร้างคอนเทนท์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
ทีมอลล์ได้นำฟีเจอร์ยอดนิยมของเถาเป่า “drag-down pop-ups”
มาใช้ ซึ่งลูกค้าสามารถเข้าถึงคอนเทนท์หน้าพิเศษได้โดยการลากไอเท็มจากหน้าจอมือถือเมื่อเข้าไปร้านแฟลกชิป
สโตร์นั้น ซึ่งทีมอลล์เรียกป๊อปอัพนี้ว่า “สโตร์ ลอฟท์” (Store Lofts) หรือแปลว่าห้องใต้หลังคาของร้าน
เนื่องจากลอฟต์นี้จะอยู่เหนือขึ้นไปจากโฮมเพจของร้าน
นอกจากนี้
บนหน้าโฮมของร้านค้า แบรนด์จะสามารถใส่คอนเทนท์ฟีเจอร์ที่เป็นเสมือนจริงหรือ AR และ ภาพสามมิติได้ เช่น
กระจกวิเศษ จนถึงการทดลองแต่งหน้า หรือ การทดสอบลักษณะผิวด้วย AI
ด้วยแฟลกชิป
สโตร์แบบใหม่ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สามารถใส่ฟีเจอร์ AR เข้าไปในโฮมเพจ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อได้เร็วขึ้น ผู้บริโภคสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ออนไลน์
แล้วดูว่าน่าจะเข้ากันกับบ้านหรือไม่
ปุ่มใหม่จะนำผู้ใช้ไปยังหน้าที่ระบุสถานที่ตั้งของร้านค้าออฟไลน์
บอกถึงไอเท็มที่มีขายอยู่ในร้าน
จนไปถึงสิทธิประโยชน์พิเศษของร้านค้าออฟไลน์ของแบรนด์ ช่องทางนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ร้านค้าออฟไลน์เกิดตัวตนอยู่ในโลกออนไลน์
ช่วยทำให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงออนไลน์กับออฟไลน์เข้าด้วยกัน
ตัวอย่างของหน้าสื่อสารระหว่าง Zara กับผู้บริโภค ในร้านแฟลกชิปสโตร์ 2.0
โดยจะมีเพจที่ลิงค์ไปยังร้านค้าออฟไลน์
รวมถึงสินค้าและบริการที่มีในร้าน (ขวา) หนึ่งหน้าเต็ม
“เราเห็นคอนเทนท์ที่สร้างด้วยตัวอักษรและภาพ
จนถึงวิดีโอสั้นๆ และไลฟ์สตรีมมิ่ง เปิดหนทางใหม่ให้กับแบรนด์ในการที่จะแสดงออก”
แอลวิน ถัง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาลีบาบา กรุ๊ป
และหัวหน้าด้านเทคโนโลยีของการนำเสนอทีมอลล์ แฟลกชิป 2.0 กล่าว
“ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI, AR และ 3D ปัจจุบันเราจึงสามารถนำเสนอวิธีการที่ให้แบรนด์ต่าง ๆ
สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างน่าตื่นเต้นมากขึ้น”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น