เมื่อโรงเรียน 4.0 มาเร็วกว่าที่คาด เทคโนโลยีจะช่วยพาการศึกษาไทยสู่อนาคตที่ทันสมัยและเท่าเทียม
การกลับมาอีกระลอกของสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ทำให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัวกันอีกครั้ง เราต่างได้เห็นปรากฏการณ์การปรับตัวครั้งสำคัญของสังคมไทยทั้งในภาครัฐและธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในภาคส่วนสำคัญของสังคมไทยที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ก็คือ “ภาคการศึกษาไทย” ที่ถึงแม้จะมีการวางแผนเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การศึกษายุคดิจิทัลเอาไว้แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโควิด-19 ทำให้การปรับตัวดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและจำเป็นต้องพึ่งตัวช่วยสำคัญอย่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยให้การปลี่ยนผ่านด้านการศึกษาไทยเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมและปลอดภัยเพื่อการศึกษาแบบนิวนอร์มัลอย่างมีเสถียรภาพ
ผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การปรับการเรียนการสอนไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์แทนการศึกษาในห้องเรียน นั่นหมายความว่าโครงข่ายการเชื่อมต่อต้องมีความพร้อมเพียงพอที่จะรองรับการจัดห้องเรียนออนไลน์ที่มีนักเรียนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากได้ โดยสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ภายในประเทศครั้งนี้ส่งผลให้หลายโรงเรียนกลับมาจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์อีกครั้ง ระบบการศึกษาของประเทศไทยจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จากหลายแวดวงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการเรียนออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น หัวเว่ย ประเทศไทย นอกจากจะเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ผู้พัฒนาและให้บริการโครงข่ายการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ ยังได้ริเริ่มโครงการเพื่อนำเอาเทคโนโลยีและโซลูชันมาช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพที่สุด สอดคล้องกับนโยบายระดับโลกของหัวเว่ยที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาโดยการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยการแข่งขัน HUAWEI CLOUD Developer Contest ที่ค้นหานักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพของไทยร่วมสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและโซลูชันผ่านหัวเว่ย
คลาวด์
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา หัวเว่ย ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการที่มุ่งพัฒนาด้านการศึกษาหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการใช้โซลูชันคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการวิจัยและประเมินผล การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน ภายใต้ “RMUTI NEXT GEN DIGITAL UNIVERSITY” โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อปฏิรูปและปรับปรุงระบบการศึกษา รวมถึงการจัดแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีบนคลาวด์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในชื่อว่า HUAWEI CLOUD Developer Contest เพื่อค้นหาและสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพของไทยโดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษา
ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีโครงข่ายการเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีคลาวด์จะทวีความสำคัญมากขึ้นในทุกวงการรวมถึงภาคการศึกษา หัวเว่ย ประเทศไทยรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับและพัฒนาเทคโนโลยีด้านการศึกษาในประเทศไทย และยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนทุกภาคส่วนของประเทศไทยด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม สร้างโครงข่ายพื้นฐาน นวัตกรรม และบุคลากร ที่จะนำไปสู่การศึกษา 4.0 และ Thailand 4.0 อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น